วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เรือนอิสาน


เรือนพื้นถิ่นอีสาน หมายถึง สิ่งปลูกสร้างอาคารที่พักอาศัยของชาวบ้านในท้องถิ่นอีสาน ที่ก่อเกิดจากแนวความคิดและรูปแบบของเรือนพื้นถิ่นที่สะท้อนให้เห็นวิธีชีวิตของชุมชนในกลุ่มวัฒนธรรมไทย-ลาว และสอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศ เรือนพื้นถิ่นมีคุณค่าต่อการศึกษามรดกทางวัฒนธรรม ที่สืบทอกผ่านงานศิลปสถาปัตยกรรมอันเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านอย่างแท้จริง


บ้าน (ในภาษาอีสาน) หมายถึง กลุ่มของเฮือน (เรือน) หลายๆหลังอยู่รวมกันเป็นชุมชน มิใช่เรือนเป็นหลัง เช่น บ้านหลุบ บ้านเตาไห บ้านใหม่ บ้านโหมน (โดยส่วนใหญ่มักจะเรียกสั้นๆว่า บ้าน แทนคำว่า หมู่บ้าน อันเป็นความหมายเดียวกับ หมู่บ้าน ของภาคกลาง)
ลานบ้าน (Open space) หมายถึง เป็นลานดินซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมเรือนหลังอื่นๆ เป็นทางสัญจรภายในคุ้ม เป็นที่พักผ่อนและที่ทำกิจกรรมต่างๆ
โฮง (โรง) หมายถึง เป็นที่พักอาศัยที่ใหญ่กว่าเฮือน (เรือน) ส่วนมากมีหลายห้องเป็นที่พักอาศัยของเจ้าเมืองหรืองเจ้าผู้ครองนครในโบราณ

เล้าข้าว หมายถึง เป็นที่เก็บข้าวเปลือก สร้างแบบต่างหากจากตัวเรือน หลังคาทรงจั่ว มีโครงสร้างแข็งแรงมาก

เฮือน (เรือน) หมายถึง เรือนที่มีการยกเสาสูง, ใต้ถุนโล่ง (มีใต้ล่าง) มีลักษณะหลายรูปแบบตามประโยชน์ใช้สอยซึ่งมีลักษณะเป็นอาคารพักอาศัยถาวร นิยมสร้างกว้าง 1-2 ช่วงเสา และยาว 3-4 ช่วงเสา ซึ่งพงศาวดารเก่าๆได้จำแนกคนอีสานไว้ว่า “ดินแดนในมีเสา เป่าแคน แห้นข้าวเหนียว เคี้ยวปลาแดก แม่นของอีสาน” ซึ่งก็ตรงกับชีวิตจริงของคนอีสาน แต่ก็มีเช่นกันที่ปลูกเรือนที่ไม่ยกใต้ถุนสูงซึ่งก็เป็นที่พักอาศัยชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้นคำว่า “เฮือน” จึงหมายถึงเรือนเป็นหลังๆ
ตูบ หมายถึง เป็นที่พักอาศัย หรือหลบแดด ไม่ยกพื้นหรือยกพื้นบางส่วนขนาดไม่ใหญ่นัก ทรงหลังคามีลักษณะคล้ายหลังดากระต๊อบ
ตูบต่อเล้า หมายถึง เป็นที่พักชั่วคราวกึ่งถาวร เมื่อลูกสาวและลูกเขยแยกเรือนออกมาจากเรือนใหญ่ของพ่อแม่ มาสร้างเป็นกระต๊อบเล็กๆอยู่กันเอง
เถียงนา หมายถึง เป็นที่พักอาศัยมีไว้สำหรับเฝ้านา ยกพื้นไม่สูงนัก ขนาดไม่ใหญ่เกินไป

เรือนเหย้า หมายถึง เรือนขนาด 2 ห้องเสา สำหรับคู่สามี-ภรรยาที่แยกเรือนออกจากครอบครัวพ่อแม่เนื่องจากธรรมเนียมไม่นิยมอยู่ร่วมกัน หลายครอบครัวในเรือนหลังเดียวกัน เรือนเหย้า มักสร้างอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับเรือนพ่อแม่ เพื่อใช้เป็นอยู่ระหว่างที่อยู่ระหว่างที่กำลังสร้างฐานะ ส่วนประกอบของเรือนมีเรือนมีเพียง 2 ห้อง คือ ห้องนอนและห้องอเนกประสงค์

เรือนใหญ่ หมายถึง เรือนขนาด 3 ช่วงเสา หันด้านข้างไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก (ปลูกเรือนล่องตะวัน) ตีฝากั้นเปิดทึบทั้ง 4 ด้าน ฝาเรือนทางด้านหลังเจาะช่องขนาดกว้าง 1 ศอก ยาว 1 ศอก เพื่อให้ลมและแสงสว่างเข้าสู่เรือน เรียกว่า “ป่องเอี๊ยม” เจาะประตู 2หรือ 3 ประตู ตามช่วงเสา
ห้องเปิง หมายถึง ห้องตั้งอยู่ริมด้านหัวเรือนของเรือนใหญ่เป็นส่วนที่วางหิ้งสักการบูชาผีบรรพบุรุษ ผีเรือนและหิ้งพระ หรือบางครั้งเรือนอาจใช้เป็นห้องนอนของลูกชาย ห้องเปิงอาจเรียกชื่อว่าห้องผีหรือห้องพระก็ได้

ห้องกลาง หมายถึง เป็นห้องที่อยู่ในช่วงเสาส่วนกลางเรือน ใช้เป็นห้องนอนของพ่อแม่ และเก็บสิ่งของที่มีค่า

ห้องส่วม หมายถึง ตั้งอยู่ริมด้าน ท้ายเรือของเรือนใหญ่ตรงข้ามกับห้องเปิง ใช้เป็นห้องนอนของลูกสาวหรือห้องนอนของของลูกสาวกับลูกเขยหลังแต่งงาน

เกย หมายถึง บ้านโล่งเป็นชานที่มีหลังคาคลุม มีลักษณะเป็นการต่อชานออกมาทางด้านหน้าของเรือน มีหลังคาคลุม พื้นเป็นไม้กระดาน ด้านข้างเปิดโล่งหรือกั้นฝา และพื้นเกยจะมีระดับต่ำกว่าพื้นเรือนใหญ่ใช้ประโยชน์เป็นพื้นที่สำหรับกิจกรรมต่างๆในครอบครัว เช่น รับประทานอาหาร รับรองแขก พักผ่อนอิริยาบถทำบุญเลี้ยงพระ ทำพิธีสู่ขวัญ เป็นต้น

ชานแดด หมายถึง เป็นการต่อชานออกมาจากเกยทางด้านหน้าเปิดโล่งทั้งด้านบน และด้านข้างพื้นชานแดดจะลดระดับลงมาจากเกย ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนยามเย็น ใช้เป็นที่รับประทานอาหารหรือวางผลิตผลทางการเกษตร พื้นที่ส่วนหนึ่งมักสร้างเป็นร้านเพื่อตั้งโอ่งน้ำ สำหรับดื่มเรียกว่า ร้านแอ่งน้ำ

เรือนไฟ หมายถึง เรือนครัวเป็นส่วนที่ประกอบ เป็นตัวเรือนขนาด 2 ช่วงเสาต่อออกมาจากชานแดดด้านข้างทิศท้ายเรือน ฝาเรือนไฟนิยมทำเป็นฝาโปร่งเพื่อระบายอากาศ เรือนไฟอาจชานมนเป็นที่ตั้งโอ่งน้ำสำหรับประกอบอาหารและล้างภาชนะ

เรือนโข่ง หมายถึง ลักษณะของเรือนประเภทนี้ประกอบด้วยเรือนใหญ่และเรือนโข่ง (เรือนน้อย) ตั้งอยู่ข้าม อาจตั้งชิดติดกันเป็นเรือน จั่วแฝดเชื่อมติดกันด้วยฮางน้ำ (รางน้ำ) ระหว่างหลังคาเรือนทั้งสองหลัง หรือตั้งอยู่ห่างกันแต่เชื่อมด้วยชานก็ได้ เรือนโข่งมีขนาดเล็กและหลังคาต่ำกว่าเรือนใหญ่หลังคาต่ำกว่าเรือนใหญ่ เรือนโข่งจะมีโครงสร้างเป็นเอกเทศจากเรือนใหญ่ สามารถรื้อไปปลูกใหม่ได้ทันที ใช้ประโยชน์เช่นเดียวกับเกย อาจมีชานแดดหรือเรือนไฟต่อออกทางด้านข้างของเรือน

เรือนแฝด หมายถึง เรือนที่ประกอบด้วยเรือนใหญ่และเรือนอีกหลังหนึ่งที่เรียกว่าเรือนแฝด มีรูปร่างและประโยชน์ใช้สอยเหมือนกับเรือนโข่งต่างกันตรงที่ลักษณะโครงสร้างของเรือนแฝดคือทั้งชื่นและคานจะฝากไว้กับเรือนใหญ่ พื้นเรือนอาจเสมอกันหรือลดระดับลงจากเรือนใหญ่ก็ได้ ฝาของเรือนแฝดจะทำให้มีขนาดใหญ่หรือลำลองกว่าเรือนใหญ่ ฝาด้านที่หันเข้าหาเรือนใหญ่ ฝาด้านที่หันเข้าหาเรือนใหญ่จะเปิดโล่งเชื่อมติดกับชานแดดออกสู่เรือนไฟ เรือนชนิดนี้มักจะเป็นเรือนของผู้ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี ตัวเรือนประกอบด้วยเรือนใหญ่ เรือนแฝด เกย ชานแดด เรือนไฟ ฮ้างแอ่งน้ำ

วันฟู หมายถึง วันที่เป็นฤกษ์ดี

วันจม หมายถึง วันที่เป็นวันขัดข้องวันไม่เจริญรุ่งเรือง ไม่สุขกายสบายใจ